” ลดเค็ม ไม่บวมน้ำ ” เท่ากับไม่เป็น เซลลูไลท์ ได้จริงหรือ ?

เซลลูไลท์ เป็น ปัญหาทางเสริมสวยที่มีผลกระทบต่อบุคคลหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีความเกี่ยวข้องมากมายในหลากหลายด้าน และ หนึ่งในหัวข้อที่เป็นการบ่งชี้ที่น่าสนใจมากอีก 1 ประเด็นนั้นก็ ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภค โซเดียม และ เซลลูไลท์ นั้นเอง เพราะ มีเสียงจากผู้คนจำนวนมาก 2 กระแส คือ บางคนอ้างว่าการลดปริมาณโซเดียมในอาหารสามารถช่วยลดเซลลูไลต์ได้ แต่กลุ่มอื่นๆกล่าวว่าไม่มีความสัมพันธ์กันเลยระหว่างทั้งสองอย่าง ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ในเรื่องของ ” โซเดียมในกระบวนการเกิดของเซลลูไลท์ ” และ นำเสนอข้อมูลที่มาจากงานวิจัยเพื่อช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ที่น่าสนใจนี้ได้อย่างแท้จริง

” ลดเค็ม ไม่บวมน้ำ ” เท่ากับไม่เป็น เซลลูไลท์ ได้จริงหรือ ?

” อย่ากิน sodium กินเค็มมากนะ ไม่ดี ” เราอาจได้ยินกันบ่อยๆว่า ลดเค็ม เท่ากับ ลดอ้วน แต่พอเอาเข้าจริงๆถามไปก็น้อยคนนักที่จะรู้ว่า Sodium คืออะไร? แล้วมันมีประโยชน์มั้ย? สุดท้ายเกี่ยวข้องยังไงกับ ” เซลลูไลท์ ” แล้วกินเท่าไหร่? (สำหรับคนปกติ และคนออกกำลังกาย) มาคลายข้อสงสัยนี้ไปพร้อมๆกัน

salt sodium

บทบาทของ โซเดียม / Sodium ในร่างกายคืออะไร?

  1. Sodium เป็นแร่ธาตุหนึ่งที่เราได้รับหลักๆมาจากเกลือ (เกลือ 1 กรัม มี sodium 40% และ Choride 60%)
  2. Sodium เป็นแร่ธาตุหนึ่งที่ร่างกายเราต้องการ ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบกันก่อนตรงนี้เลยนะคะ ว่า มนุษย์เราจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้หากขาด Sodium เพราะ Sodium มีหน้าที่เป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้าในร่างกาย เพราะ ว่าร่างกายเราส่งคำสั่งจากสมองไปยังส่วนต่างๆ ผ่านระบบประสาท ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้า ดังนั้น ถ้าไม่มี Sodium เราก็จะเคลื่อนไหวไม่ได้ และ Sodium ยังทำหน้าที่ช่วยรักษาระดับน้ำในเซล และ ในร่างกาย
  3. หากเราขาด Sodium จะมีอาการ Hyponatremia ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากการที่เราสูญเสียน้ำในร่างกายมากๆ (sodium ไหลออกไปกับน้ำ) เช่นเวลาท้องเสีย หรือเสียเหงื่อนานๆ ซึ่งปัญหาคือหลายๆคนพยายามดื่มน้ำเยอะๆ แต่หารู้ไม่ว่า ถ้าไม่มี Sodium ร่างกายก็ใช่จะนำน้ำที่ดื่มไปเยอะๆนั้นไปใช้ได้

จึงสรุปง่ายๆได้ว่า : โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ในร่างกาย มันช่วยในการควบคุมสมดุลของน้ำ สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท และช่วยในกระบวนการการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม การบริโภคโซเดียมมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง ปัญหาหัวใจและการกักเก็บของน้ำในร่างกาย

headache

อาการของคนที่ขาด Sodium จะมีอาการต่างๆดังนี้

ปวดหัว / ตะคริวกินบ่อย / ไม่ค่อยมีแรง ใครเคยเล่นกีฬาแล้วตะคริวกิน? ใครเคยวิ่ง เหงื่อออกแล้วรู้สึกหวิว หมดแรง? นั่นคือสัญญาณบอกเหตุของการขาด Sodium นะครับ

ความสัมพันธ์ระหว่าง ” โซเดียม และ เซลลูไลท์ “

ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคโซเดียมและการเกิดเซลลูไลท์ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยอย่างมาก บางทฤษฎีเสนอว่าการบริโภคโซเดียมมากๆ อาจช่วยเพิ่มปัญหาการกักเก็บของน้ำและการบวมที่พื้นผิวเป็นอันขาวในส่วนที่มีอาการเซลลูไลท์ การกักเก็บของน้ำที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ไขมันอยู่ใกล้กับผิวหนังมากขึ้น อันจะทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมออย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่คัดค้านว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซลลูไลท์และโซเดียมไม่ใช่สิ่งที่เป็นตรงไปตรงมา แต่อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน และประเพณีการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ค้นพบว่าไม่ทุกคนจะมีปัญหาการกักเก็บของน้ำเมื่อบริโภคโซเดียมสูง ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถใช้กับทุกคน

ประเด็นที่ทำให้คนคิด ว่า โซเดียม อันตราย และ ทำให้เกิด ” เซลลูไลท์ “

เนื่องจาก Sodium ทำให้มีน้ำในร่างกาย แน่นอนว่ากิน Sodium เยอะ ทำให้มีน้ำในเลือดเยอะตามด้วย และนี้ละคือประเด็นสำคัญ
ข้อที่ 1 ” โซเดียม ” จะกลายเป็นเหตุของ ความดันสูง ทำให้ร่างกายมีอาการบวมน้ำในร่างกายได้ สามารถทำให้ เซลล์ และ เซลลูไลท์ ในชั้นผิวหนังของร่างกายเกิดการบวมตัวทำให้เกิดการสะสมเพิ่มเติม จนทำให้สามารถมองเห็นเซลลูไลท์เหล่านั้นได้ชัดขึ้นนั้นเอง
ข้อที่ 2 มาอยากให้เข้าใจนิดนึงว่า คำว่าความดันสูง ไม่ได้แปลว่าคุณจะ ” ตาย ” แต่หากว่ามีภาวะร่วม เช่น อ้วน + ไขมันในเส้นเลือดเยอะ + ไขมันอุดตัน + ความดันสูง รวมกันทั้งหมดต่างหาก นั่นแหละ คือ สิ่งที่ ” อันตราย “

โดยมีงานวิจัยที่ค้นพบว่าการกิน Sodium เยอะๆ มาพร้อมกับโรคอ้วน แต่ก่อนที่เราจะโทษ Sodium ทั้งหมด อยากให้คิดนิดนึงว่า เวลาเรากินอาหารอ้วนๆ มันๆ เค็มๆ มันมักจะมาพร้อมรสเค็ม และคนที่กินอาหารแนวนี้เยอะๆ ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับ Calorie เยอะมากๆ (และไม่ออกกำลัง) ดังนั้นไม่แปลกที่การวิจัยจึงบอกว่า Sodium มาคู่กับ ไขมัน เซลลูไลท์ ความอ้วน และ ปัญหาน้ำหนักตัวที่เกินนั้นเอง

ฉะนั้น สาเหตุของ ” ไขมัน เซลลูไลท์ ความอ้วน ” ไม่ได้มาจาก Sodium โดยตรง
เนื่องจาก ว่า เราทุกคนสาวนใหญ่ก็รู้อยู่แล้ว ว่า หากเรากินน้อยกว่าใช้ = ผอม / กินมากกว่าใช้ = อ้วน ในเมื่อ Sodium ไม่มี Calorie (ไม่ใช่ Macronutrient) จึงไม่สามารถทำให้เราอ้วนได้โดยตรง แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าการกิน sodium ในปริมาณที่มากๆ จะทำให้เราคอแห้ง เนื่องจากร่างกายต้องการน้ำเพื่อปรับระดับสมดุลของ sodium ในร่างกายทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ก็คือหลายๆคนที่กิน sodium เยอะๆมักจะมาจากการกินที่ร้านอาหาร และหนีไม่พ้นการดื่ม ” น้ำอัดลม ” เพื่อดับกระหาย และแหล่ง Sodium ที่เราได้รับกันหลักๆนั้น ก็มาจากอาหารแปรรูปต่างๆมากมาย เช่น อาหารขนมในร้านสะดวกซื้อต่างๆ หรือ สำหรับคนไทยก็นี่เลย พวกอาหารตามสั่ง + พริกน้ำปลา ซึ่งแต่ละอย่าง ให้พลังงานเยอะมาก! ถ้ากินเยอะๆ ดื่มเยอะๆ ไม่นับ Calorie ไม่ออกกำลังกาย
นี้แหละ คือ ผลพวงของปัยหาทั้งหมด ที่ทำให้เกิด ไขมัน และ เซลลูไลท์ สะสมขึ้นอย่างต่อเนื่อง

sodium with food

แล้วควรทาน โซเดียม ในปริมาณเท่าไหร่ดี ?

สำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย องค์กรต่างๆ ได้ทำการวิจัยและระบุมาอยู่ในช่วงประมาณ ดังนี้

  1. United States Department of Agriculture (USDA): 2300 mg
  2. American Heart Association (AHA): 1500 mg
  3. Academy of Nutrition and Dietetics (AND): 1500 to 2300 mg
  4. American Diabetes Association (ADA): 1500 to 2300 mg

แนวทางการปรับและแก้ปัญหา การได้รับ ” โซเดียม ” ในชีวิตประจำวัน ที่มากเกินไป ดังนี้

การเน้นความสมดุลในอาหารเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและผิวหนัง โดยไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเซลลูไลท์หรือไม่ การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์เช่นผลไม้ ผัก ธัญพืช และโปรตีนที่มีปริมาณมากๆ สามารถสนับสนุนผิวหนังให้สมบูรณ์และลดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำในปริมาณเพียงพอทุกวันสามารถช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายและส่งเสริมความยืดหยุ่นของผิวหนังได้ ส่งผลให้สามารถที่จะรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุลและ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เน้นการดูแลผิวหนังอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้วิธีรักษาที่มาในรูปของ ครีมและเซรั่ม สุดท้ายค้นหาการรักษาทางเลือกที่มีคุณภาพเช่น การรักษาด้วย เลเซอร์ และ การรักษาทางเลือกที่ใช้การนวดนั้นเอง ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาเซลลูไลท์ไม่ใช่เพียงแค่การให้ความสำคัญในควบคุมปริมาณโซเดียม แต่เป็นการมองเห็นปัญหาที่มีความซับซ้อนนี้ให้ครอบคลุมให้มากที่สุดจากการใช้ชีวิตประจำวัน

โดยสรุปแล้ว

สัมพันธ์ระหว่าง เซลลูไลท์ และ โซเดียมอาจยังคงเป็นหัวข้อที่ส่งเสริมให้เกิดการโต้แย้ง แต่สำคัญที่ควรมีมุมมองที่สมดุล ปัญหาเซลลูไลต์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและได้รับความเกี่ยวข้องจากปัจจัยหลายอย่าง การควบคุมการบริโภคโซเดียมเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหานี้ การเน้นพัฒนารูปแบบการดำเนินชีวิตที่สมดุลรวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุลและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาผิวหนังและส่งเสริมสุขภาพรวมทั้งความเป็นอยู่ที่ดีของร่างกาย ทั้งนี้จะเห็นได้ ว่า อะไรที่มากไปหรือน้อยเกินไป มันมักจะมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีเสมอ โซเดียม ก็เช่นกัน

แม้จะมีโทษมากหากทานมากเกิน แต่ถ้าไม่กิน Sodium เราก็จะไม่สามารถดึงน้ำกลับสู่ร่างกายได้ ส่งผลให้เกิดอาการตะคริวและหมดแรง และที่สำคัญ ” น้ำ = ลำเลียงสารอาหาร ” ดังนั้นขาด Sodium = ขาดน้ำ / ขาดน้ำ = ขยับร่างกายไม่ได้ ทำให้ออกกำลังกายไม่ได้เนื่องจากไม่มีแรง / ขาดน้ำ = ไขมันไม่ถูกลำเลียงมาใช้งาน เท่ากับเผาไขมันเป็นพลังงาน หรือ ขับออกจากร่างกายไม่ได้ เช่น เซลลูไลท์ / = เสียเวลา และเหนื่อยฟรี รู้แบบนี้แล้ว ลองคำนวนให้ดีในการทานโซเดียม หรือ แม้แต่กับอาหารเสริม อาหารหลักอื่นๆเช่นกัน

อย่าลืม ว่า การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเซลลูไลต์ของแต่ละบุคคล เป็นทางเลือกที่ ดี และ รวดเร็วที่สุดแล้ว ด้วยการที่ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนั้นๆจะนำเสนอทางเลือกที่พิจารณาอย่างมีหลักเหตุผลทำให้สามารถเข้าใจเกี่ยวกับ เซลลูไลท์ ของตนเองได้อย่างละเอียดที่สุด และ ทำให้การตัดสินเลือกการรักษาเป็นไปในแนวทางที่เหมาะสมในแบบของเราเอง ดังนั้น

ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ของ สถาบันลดน้ำนหักและกระชับรูปร่าง Slim Up Center เราขอแนะนำนวัตกรรมการกำจัดเซลลูไลท์ ที่เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ผ่อนคลาย และ ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บมาฝาก ที่มีนวัตกรรมเฉพาะทางที่ได้มาตรฐานระดับสากล และ มีความแตกต่างจากที่อื่น โดยโปรแกรม

PROGRAM CELLUSLIM TECH

CELLUSLIM TECH

ด้วยนวัตกรรม 2IN1 ผสานคลื่นความร้อน Thermic IR ซึ่งเป็นระบบฟาร์อินฟราเรดส่งผลให้เกิดความร้อนลึก ( Deep-thermal) กับ ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum) ใช้เวลา 40 นาที ทำให้เกิดการหดตัว / คลายตัวกับผิวหนัง และ กล้ามเนื้อ เกิดการ Decompress คล้ายคลึงกับ Massage ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดและขจัดCellulite กระตุ้นระบบการขับเสียของเซลร่างกาย ลดการบวมน้ำ ปรับปรุงและฟื้นฟูระบบไหลเวียนของโลหิตและระบบน้ำเหลือง กระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อได้มีประสิทธิภาพ

Process and Benefit CELLUSLIM TECH
  • เครื่องมือ สามารถ Rotation ช่วยบิดหมุน ทำให้ไขมันแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น
    -อินฟราเรด RF ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เร่งการขับเหงื่อ พร้อมช่วยฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
    _ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 600 Kcal
  • ในระหว่างการทำทรีทเม้นต์มีการนวดร่วมด้วย เป็นหัตถการพิเศษเฉพาะสลิมอัพ ที่เรียกว่า “Thermic Massage” ซึ่งทำให้กระตุ้นกระบวนการสลายไขมัน ด้วย Cellu Tonic เกิดความผ่อนคลายยิ่งขึ้น
  • ช่วยประหยัดเวลา เพราะได้ทั้งการนวดผ่อนคลายและกำจัดไขมัน ไปพร้อมกัน
Before After use CELLUSLIM TECH

หุ่นสวย สุขภาพดี เริ่มต้นที่ Slim Up Center พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทั้ง 18 สาขาทั่วประเทศแล้ววันนี้

👉🏻 ปรึกษาลดน้ำหนัก  ไขมัน และ สัดส่วน ทักแชท

Contact Us

FB : http://m.me/SlimUp/

Line : https://bit.ly/Slimupcenter หรือ @Slimupcenter

IG : Instagram.com/Slimup_center

Website: www.Slimupcenter.co.th

Call Center: 02-620-0000