Cellulite behavior

5 วิธี เปลี่ยนพฤติกรรม เซลลูไลท์ ลดได้ทันใจ

สารบัญ

  • 1. ปรับอาหาร
  • 2. ปรับการออกกำลังกาย
  • 3. ปรับการดื่มน้ำ
  • 4. ปรับความเครียด
  • 5. ปรับการนอน
  • PROGRAM – CELLUSLIM TECH
  • เซลลูไลท์ อยากลดได้ทันใจ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม

    ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรามักจะส่งผลกับรูปร่างเสมอ เพราะไลฟ์สไตล์จะทำให้เราทำพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีกับรูปร่างของเรา อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เกิดเซลลูไลท์ และไขมันส่วนเกินได้ ดังนั้น หากเราเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลกับรูปร่างได้ เราก็จะสามารถลดการเกิดเซลลูไลท์ และสามารถลดเซลลูไลท์ได้เช่นกัน วันนี้เราจึงมีวิธีเปลี่ยนพฤติกรรมลดเซลลูไลท์ได้ทันใจมาฝากกัน

    1. ปรับอาหาร

    diet

    อาหารเป็นปัจจัยสำคัญมาก ๆ ที่สามารถกำหนดความอ้วนหรือผอมของเราได้ ซึ่งหากเรากินที่ดีในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยลดการเกิดเซลลูไลท์และลดเซลลูไลท์ได้ ด้วยการปรับอาหารที่เรานำมาแนะนำ ดังนี้ 

    • ควบคุมแคลอรี วิธีลดเซลลูไลท์ต้นขาและบริเวณอื่น ๆ ที่ได้ผลมากที่สุด ควรเริ่มด้วยการควบคุมอาหารให้แคลอรี่ไม่เกินความต้องการของร่างกายที่ควรได้รับในแต่ละวัน โดยความต้องการแคลอรี่ต่อวันของผู้หญิงประมาณ 1,500 – 2,000 แคลอรี่ และของผู้ชายประมาณ 2,000 – 2,500 แคลอรี่ แค่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่เกี่ยวข้อง เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก ทำให้แต่ละคนต้องการพลังงานในแต่ละวันแตกต่างกัน
    • เน้นการกินโปรตีน เนื่องจากโปรตีนจะช่วยทำให้เราอิ่มท้องนานและช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อนี้เองเปรียบเสมือนเตาเผาผลาญไขมัน จึงสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ ซึ่งหากกล้ามเนื้อมีในปริมาณมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยเผาผลาญไขมันและลดเซลลูไลท์ได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วหลายคนนั้นกินโปรตีนในแต่ละวันได้น้อยมาก โดยเราควรกินโปรตีนให้ได้ 1.2 – 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หากเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม เราก็ควรกินโปรตีน 50*1.2 = 60 กรัม โดยโปรตีนที่แนะนำให้กินนั้นควรจะเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เพื่อลดการเพิ่มขึ้นของไขมัน  ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อวัว ไข่เต็มใบ ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เวย์โปรตีน ฯลฯ
    • กินไขมันดี เมื่อพูดถึงไขมันเราอาจจะคิดว่าการกินไขมันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่จริง ๆ แล้วไขมันนั้นมีประโยชน์กับเรามาก ช่วยให้ร่างกายเราอบอุ่น เพียงแต่ว่าไขมันที่เรากินนั้น ควรจะเป็นไขมันดีที่สามารถลดไขมันเลว (LDL) หรือคอเลสเตอรอลให้ลดลง จึงสามารถลดเซลลูไลท์ได้ โดยควรกินในปริมาณที่เหมาะสมด้วย โดยให้ไขมันได้ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะกอก อะโวคาโด เนื้อปลาแซลมอน ฯลฯ 
    • กินอาหารที่ช่วยลดเซลลูไลท์ได้ อาหารบางชนิดจะมีสารที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมัน จึงสามารถช่วยลดโอกาสในการสะสมไขมันและลดเซลลูไลท์ได้ เช่น
      • พริก  ความเผ็ดที่ได้จากพริกจากสารอย่าง “แคปไซซิน” (Capsaicin) และ “กรด Ascorbic acid” จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการผลิตความร้อนขึ้นภายในร่างกาย ที่สามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้รวดเร็ว สามารถลดไขมัน ลดความอยากอาหาร เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย และลดเซลลูไลท์ได้ดี นอกจากนี้ พริกยังมี “วิตามินซี” ที่สูงมาก ๆ โดยมีงานวิจัย พบว่า วิตามินซีจะช่วยเผาผลาญไขมันได้เพิ่มขึ้นถึง 30% ทำให้พริกเป็นอาหารที่สามารถลดเซลลูไลท์ได้มาก ๆ เลยทีเดียว
      • ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ “สารคาทิชิน” และ “คาเฟอีน” และ “EGCG” (epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารที่สามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ช่วยลดเซลลูไลท์ ช่วยป้องกันเส้นใยคอลลาเจนไม่ให้ถูกทำลาย ช่วยให้ผิวมีความหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี นอกจากนี้ ยังเป็นอาหารที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้อีกด้วย โดยชาเขียว 1 ถ้วย (100 – 200 มก.) จะมีคาเฟอีนเพียง 24 – 40 มก. ปริมาณน้อยกว่ากาแฟหนึ่งถ้วย แต่ก็มีประสิทธิภาพมากพอในการเผาผลาญไขมันและลดเซลลูไลท์
      • เมล็ดทานตะวัน เป็นธัญพืชที่ช่วยลดไขมันและลดเซลลูไลท์ได้เร็ว เพราะสามารถกินเป็นขนมขบเคี้ยวได้ตลอดทั้งวัน เหมาะกับคนที่ชอบกินจุกจิก ที่สำคัญเมล็ดทานตะวันยังอุดมไปด้วย “วิตามินอี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด สามารถกำจัดกับสารพิษ และป้องกันการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกายได้ นอกจากนี้ เมล็ดทานตะวันยังอุดมไปด้วย “แมกนีเซียม” ที่จะช่วยลดความตึงเครียด ช่วยเผาผลาญแคลอรีในร่างกายได้มากขึ้น และในเมล็ดทานตะวันยังมีโปรตีน ไฟเบอร์ และวิตามินบี ที่มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน และทำให้เราอิ่มอยู่ท้องนานกว่าเดิมอีกด้วย

    2. ปรับการออกกำลังกาย

    exercise

    การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ และการลดสัดส่วน หรือการลดเซลลูไลท์ อย่างมาก เพียงแค่เราเปลี่ยนพฤติกรรม จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายได้น้อย แล้วหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ก็จะสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญเผาไขมันได้ดี และสามารถลดเซลลูไลท์ได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายนั้นจะต้องมีความสมดุลด้วย ดังนี้

    • คาร์ดิโอ (Cardio) สลับกับ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เนื่องจากคาร์ดิโอจะเป็นการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยเน้นการเผาผลาญไขมันเป็นหลัก ทำให้สามารถลดเซลลูไลท์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออาจจะทำให้เราสูญเสียกล้ามเนื้อ จนอาจส่งผลให้การเผาผลาญไขมันลดลง ส่วนการเวทเทรนนิ่งหรือการยกเวทซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยการสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อนี้จะไปทดแทนกล้ามเนื้อที่สูญเสียจากการออกกำลังกายด้วยคาร์ดิโอได้ แถมกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นยังเปรียบเสมือนเตาเผาผลาญไขมัน ช่วยลดเซลลูไลท์ได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
    • อาหารก่อน – หลัง ออกกำลังกาย นอกจากเราจะควรออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นแล้ว เราควรจะให้ความสำคัญกับการกินอาหารก่อน – หลัง ออกกำลังกาย ที่จะส่งผลให้เราลดไขมันและลดเซลลูไลท์ได้ โดยก่อนออกกำลังกายนั้นเราควรจะกินอาหารให้ได้พลังงานเพื่อไปออกกำลังกาย แต่ควรกินให้ห่างจากการออกกำลังกายประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารในกระเพาะย่อยได้ทันและป้องกันไม่ให้เกิดอาการจุกเสียดระหว่างออกกำลังกาย แต่ถ้าเป็นอาหารประเภทกินเล่นหรือผลไม้ อย่างกล้วยหอม เอนเนอร์จี้บาร์ หรือโยเกิร์ต ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 30 นาที ส่วนหลังออกกำลังกายร่างกายจะรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ระดับไกลโคเจนในร่างกายยังลดลง ซึ่งหากไม่กินอาหารจะส่งผลเสียต่อกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญ ทำให้กล้ามเนื้อลดลง น้ำหนักและเซลลูไลท์เพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจำเป็นต้องกินเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปกระตุ้นการสร้างไกลโคเจนและกล้ามเนื้อ สำหรับสารอาหารที่แนะนำ ได้แก่ ขนมปังโฮลวีท อกไก่ นมช็อกโกแลตไขมันต่ำ อัลมอนด์ และส้ม เป็นต้น

    3. ปรับการดื่มน้ำ

    drink water

    ภายในร่างกายของคนเรากว่า 70% ล้วนประกอบด้วยน้ำ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นให้การทำงานของทุก ๆ ระบบภายในร่างกายให้ทำงานได้ดี นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ลดความอยากอาหาร แลกระตุ้นการขับถ่าย จนสามารถลดไขมันและลดเซลลูไลท์ได้อีกด้วย โดยเมื่อเราดื่มน้ำเปล่าเข้าไปจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ร่างกายจึงต้องดึงไขมันที่สะสมอยู่ตามร่างกายมาเผาผลาญเป็นพลังงานมากขึ้น เพื่อให้อุณหภูมิกลับมาคงที่ โดยการดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น 23 กิโลแคลอรีเลยทันที สำหรับการดื่มน้ำ 500 มิลลิตร ก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง ก็จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และยังกระตุ้นระบบการขับถ่าย ช่วยป้องกันอาการท้องผูก ทำให้หน้าท้องดูแบนราบ ลดพุงได้ 

    4. ปรับความเครียด

    matcha

    เวลาเกิดความเครียดร่างกายจะผลิต “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” หรือ “ฮอร์โมนความเครียด” จากต่อมหมวกไตเป็นจำนวนมาก ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีผลให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติและรู้สึกหิวบ่อยขึ้น จึงทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสมได้ อย่างไรก็ตาม แม้เราจะไม่สามารถกำหนดความเครียดได้ แต่หากเราเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เราเครียดน้อยลง ก็จะสามารถลดการเกิดเซลลูไลท์และลดเซลลูไลท์ได้ ด้วยอาหารที่เรานำมาแนะนำกัน ดังนี้ 

    • ดาร์กช็อกโกแลต ดาร์กช็อกโกแลตทำมาจากเมล็ดโกโก้ซึ่งเป็นแหล่งอุดมด้วยทีโอโบรมีน มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารเอพิแคทีชิน แคทีชิน โปรไซยานิดิน ฟลาโวนอยด์ โอฟิลลีน ฟีนิลเอทิลเอมีน (PEA) กรดแกมมาแอมิโนบิวทิริก (GABA) ช่วยให้สารสื่อประสาททำงานได้ดีขึ้น ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายและลดระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ช่วยลดความวิตกกังวลและสึกผ่อนคลาย แต่คนที่ลดน้ำหนักก็ควรกินดาร์กช็อกโกแลตในปริมาณที่พอดีเนื่องจากมีน้ำตาลและแคลอรีสูง 
    • ชาเขียว ในชาเขียวนั้นมีสารแอล-ธีอะนีน (L-theanine) เป็นโปรตีนที่ช่วยทำให้สมองผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ และยังมีสารอิพิแกลโลคาเทชินแกลเลต (Epigallocatechin gallate) หรือ EGCG ที่ช่วยลดการเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น แต่ชาเขียวมีสารคาเฟอีนที่อาจทำให้นอนไม่หลับได้ เราจึงควรดื่มไม่เกิน 1–2 แก้วต่อวัน และควรเลือกดื่มเป็นชาเขียวที่ไม่เติมน้ำตาลหรือใส่น้ำตาลน้อยเพื่อไม่ให้ได้รับแคลอรีมากเกินไป
    • แซลมอน เนื้อสัตว์ตระกูลปลาไม่เพียงแค่ให้สารอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ “โอเมก้า 3” ยังกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีน ป้องกันโรคหัวใจที่เกี่ยวเนื่องมาจากความเครียด พร้อมทั้งวิตามินบี6 และบี12 ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งสารแห่งความสุข

    5. ปรับการนอน

    sleep

    การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยทำให้ “ฮอร์โมนความหิว” ลดลง โดยจากการทดลอง 1,000 คน พบว่า กลุ่มคนที่นอนน้อย “ระดับฮอร์โมนเลปติน” ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มลดลง 15.5% “ระดับฮอร์โมนเกรลิน” ที่กระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกหิว สูงขึ้น 14.9% กว่าอีกกลุ่มที่นอนหลับเพียงพอ เมื่อระดับฮอร์โมนเกรลินสูงขึ้น จะทำให้รู้สึกหิว อยากอาหาร กินจุบจิบ โดยไม่รู้ตัว โดยการทดลองกับคนนอน 4 ชั่วโมง จะทำให้กินอาหารที่มีแคลอรี่สูงขึ้น 22% และกินอาหารที่มีไขมันสูงเพิ่มเป็น 2 เท่า ซึ่งนำไปสู่ความการสะสมไขมัน มีเซลลูไลท์ในที่สุด นอกจากนี้ 

    การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญทำงานปกติ ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ลดเซลลูไลท์ได้ 

    อย่างไรก็ตาม หากวิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมยังไม่สามารถช่วยลดเซลลูไลท์ลงได้ทันใจ เราก็สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปกับการใช้สุดยอดเทคโนโลยีที่สามารถลดเซลลูไลท์ได้รวดเร็ว อย่างเทคโนโลยีลดเซลลูไลท์ “CELLUSLIM TECH” ได้เช่นกัน

    PROGRAM – CELLUSLIM TECH

    นวัตกรรม 2IN1 ผสานคลื่นความร้อน Thermic IR ซึ่งเป็นระบบฟาร์อินฟราเรดส่งผลให้เกิดความร้อนลึก (Deep-thermal) กับ ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum) ใช้เวลา 40 นาที ทำให้เกิดการหดตัว / คลายตัวกับผิวหนัง และ กล้ามเนื้อ เกิดการ Decompress คล้ายคลึงกับ Massage ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดและลดเซลลูไลท์กระตุ้นระบบการขับเสียของเซลร่างกาย ลดการบวมน้ำ ปรับปรุงและฟื้นฟูระบบไหลเวียนของโลหิตและระบบน้ำเหลือง กระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อได้มีประสิทธิภาพ

    CELLUSLIM TECH – ข้อดี และ สรรพคุณ

    คลื่น Thermic IR (Far Infrared)

    • ลดสัดส่วนพร้อมยกกระชับผิว
    • ลด Cellulite ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
    • กระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองและคลายตัวของกล้าม
    • เพิ่มการไหลเวียนเลือด
    • กระตุ้นการขับของเสีย
    CELLUSLIM TECH

    ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum)

    • ช่วยลด Cellulite
    • ลดการหดรั้งของผังผืดและเนื้อเยื่อต่างๆ
    • กล้ามเนื้อคลายตัว
    • กระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจน และอิลาสติน
    • ช่วยทำให้คลื่น Thermic IR ลงสู่ชั้นผิวได้ลึกมากขึ้น

    หุ่นสวย สุขภาพดี เริ่มต้นที่ Slim Up Center พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทั้ง 18 สาขาทั่วประเทศแล้ววันนี้

    👉ปรึกษาลดน้ำหนัก  ไขมัน และ สัดส่วน ทักแชท

    Contact Us

    FB : http://m.me/SlimUp/

    Line : https://bit.ly/Slimupcenter หรือ @Slimupcenter

    IG : Instagram.com/Slimup_center

    Website: www.Slimupcenter.co.th

    Call Center : 02-620-0000