10 true reduce cellulite,

10 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ ลดเซลลูไลท์ต้นขา เพื่อกำจัดได้ตรงจุด

สารบัญ

  • 1. ผู้หญิงมีเซลลูไลท์มากกว่าผู้ชาย
  • 2. เซลลูไลท์จะมากขึ้นตามอายุ
  • 3. เซลลูไลท์เกิดจากพันธุกรรม
  • 4. เซลลูไลท์เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีรูปร่างไม่สมส่วนเท่านั้น
  • 5. การออกกำลังกายสามารถลดการเกิดเซลลูไลท์ได้
  • 6. คาร์ดิโอเหมาะที่สุดสำหรับการลดเซลลูไลท์ต้นขา
  • 7. การสูบบุหรี่เสี่ยงทำให้เกิดเซลลูไลท์
  • 8. การดูดไขมันทำให้เซลลูไลท์ต้นขาดีขึ้น
  • 9. อาหารบางชนิดสามารถช่วยต่อสู้กับเซลลูไลท์ได้
  • 10. แพทย์ผิวหนังเท่านั้นที่รักษาเซลลูไลท์ได้
  • PROGRAM – CELLUSLIM TECH
  • ระวัง! “ลดเซลลูไลท์ต้นขา” ผิดจุด หากยังไม่รู้ 10 ข้อนี้

    มีใครกำลังรู้สึกว่าต้นขาใหญ่ ผิวมีความขรุขระ ไม่เรียบเนียน เหมือนผิวเปลือกส้มกันอยู่หรือไม่ จริง ๆ แล้วต้นขาที่ใหญ่และไม่เรียบเนียนนี้เป็น เซลลูไลท์ ที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนังของเรา ซึ่งไม่ต้องกังวลใจไปเราไม่ได้มีเซลลูไลท์เพียงคนเดียว เพราะเซลลูไลท์ยังมีโอกาสเกิดได้กับทุกคน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลดเซลลูไลท์ต้นขา วันนี้เราจึงจะรวบรวมข้อเท็จจริงและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลดเซลลูไลท์ต้นขา เพื่อช่วยให้เราสามารถลดเซลลูไลท์ต้นขาได้ตรงจุดมากขึ้นมาฝากกัน

    1. ผู้หญิงมีเซลลูไลท์มากกว่าผู้ชาย

    ข้อเท็จจริง

    women cellulite

    แม้เราจะบอกว่าทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย มีโอกาสที่จะมีเซลลูไลท์ที่ต้นขาได้ แต่โอกาสการเกิดเซลลูไลท์ต้นขาจะพบได้ง่ายสุด 9 ใน 10 ของผู้หญิง เนื่องจากฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิงหรือ “ฮอร์โมนเอสโตรเจน” (Estrogen) ที่มีมากเกินไป จะเป็นตัวกระตุ้นการสะสมของไขมันในร่างกาย ทำให้มีการสะสมไขมันง่ายและมากขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนและทำให้เกิดเซลลูไลท์ต้นขาได้ รวมไปถึงโรคไขมันในหลอดเลือดอีกด้วย ซึ่งในผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากกว่าผู้ชาย จึงทำให้ผู้หญิงมีไขมันมากกว่าผู้ชายด้วยนั่นเอง ส่วน “ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน” จะเป็นตัวทำลายระบบไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้เสียไป จึงทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ และทำลายโครงสร้างผิวหนัง ให้หย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนไม่เรียบเนียนนั่นเอง นอกจากนี้ เนื่องจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในผู้หญิงเรียงเป็นแนวตั้งและมีปริมาณ เซลล์ของไขมันจะจับกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่อัดกันอยู่อย่างหนาแน่น และดันออกมาให้เราเห็นเป็นเซลลูไลท์นั่นเอง ส่วนของผู้ชายเรียงเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเล็ก ๆ และมีปริมาณไขมันสะสมน้อย จึงพบเซลลูไลท์ในผู้ชายได้ค่อนข้างน้อย แต่ไม่ต้องกังวลใจไปแม้เราจะเป็นผู้หญิงเราก็สามารถลดเซลลูไลท์ต้นขาได้ หากมีตัวช่วยลดเซลลูไลท์ดี ๆ เห็นผลจริง

    2. เซลลูไลท์จะมากขึ้นตามอายุ

    ข้อเท็จจริง

    age Cellulite

    เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้นร่างกายของพวกเธอจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้หลอดเลือดไหลเวียนได้อย่างราบรื่น ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนที่น้อยลงนี้ อาจทำให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ดีเหมือนตอนอายุน้อย ๆ รวมไปถึงการผลิตคอลลาเจนใหม่อาจะลดลง และมีการสลายตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากขึ้น ซึ่งเมื่อคอลลาเจนลดลงก็จะทำให้เซลลูไลท์เห็ชัดเจนขึ้น และทำให้เกิดการหย่อนคล้อย และแต่ละช่วงอายุจะมีประเภทของเซลลูไลท์ต่างกัน ดังนี้    

    • อายุ 20 ปีขึ้นไป เซลลูไลท์ที่พบ จะเรียกว่า “Soft Cellulite” เป็นก้อนขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นริ้วลูกคลื่นแบบนิ่ม เกิดจากพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนปัญหาผิวจะเกิดตรงบริเวณชั้นผิวหนังแท้ โดยคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ที่ทำให้ผิวหนังมีความเรียบตึง กระชับ และยืดหยุ่น เกิดการเสื่อมสลายไป มีการสร้างใหม่น้อยลง ผิวเริ่มมีริ้วรอย และเกิดความหย่อนคล้อย แต่ยังไม่หย่อนคล้อยมากนัก หากดูแลตัวเองมากขึ้น ก็จะทำให้ผิวกลับมากระชับเต่งตึงขึ้นได้ ซึ่งเซลลูไลท์ประเภทนี้ยังเป็นเซลลูไลท์ที่ลดได้ไม่ยาก ใครที่อยากลดเซลลูไลท์ต้นขาอาจจะเร่มด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤยติกรรมเซลลูไลท์ส่วนนี้ก็อาจจะลดลงได้ไม่ยาก
    • อายุ 30 ปีขึ้นไป เซลลูไลท์ที่พบ เรียกว่า “Hard Cellulite” เป็นก้อนเล็กและแข็ง พบมากบริเวณบั้นท้ายและสะโพก ส่วนปัญหาในชั้นผิวหนังแท้จะเริ่มมีมากขึ้น เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้า จะมีการผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวดูหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น ผิวจึงเริ่มมีความหย่อนคล้อยได้ชัดเจน และเซลลูไลท์เห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งสำหรับใครที่อยากลดเซลลูไลท์ต้นขา การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราอาจจะต้องดูแลเรื่องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการสูญเสียคอลลาเจนเพิ่มเติมด้วย
    • อายุ 40 ปีขึ้นไป เซลลูไลท์ที่พบ เรียกว่า “Flaccid Cellulite” เป็นก้อนไขมันนุ่ม ผิวมีการเสื่อมสลาย ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวัยรุ่น ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว หรือที่เราบอกว่า “Baby Fat” หายไป และผิวชั้น SMAS หรือเนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพและอ่อนแรง ทำให้การพยุงผิวแย่ลง ผิวจึงเริ่มหย่อนคล้อยมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการไม่ชอบออกกำลังกาย พบมากบริเวณหน้าท้อง รอบเอว ท้องแขน และคาง หากเราต้องการลดเซลลูไลท์ต้นขาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เราต้องทำทั้งเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดเซลลูไลท์ที่จะเพิ่มขึ้น กระตุ้นคอลลาเจนเพื่อไม่ให้ผิวหย่อนคล้อย และลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวเพิ่มเติม 

    นอกจากนี้ ประเภทเซลลูไลท์ที่พบได้ในช่วงอายุที่มากขึ้น เนื่องระบบในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้มีการไหลเวียนของเลือดไม่ดีจะเรียกว่า “Edmatous Cellulite” ซึ่งเกิดจากการคั่งของน้ำเหลือง ทำให้มีลักษณะเหมือนการบวมน้ำ พอกดแล้วบุ๋ม พบมากบริเวณสะโพก ต้นขาผิวหนังบริเวณนั้นจะเป็นผิวหนังบอบบาง เห็นเส้นเลือดได้ชัดเจนและบวม และเซลลูไลท์ที่เรียกว่า “Mixed Cellulite” ที่พบในคนเดียวกันทุกประเภทเซลลูไลท์อีกด้วย

    3. เซลลูไลท์เกิดจากพันธุกรรม

    ข้อเท็จจริง

    Cellulite family

    พันธุกรรม (Genetic factors) เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเกิดเซลลูไลท์ โดยถ้าคนในครอบครัวมีประวัติการมีเซลลูไลท์ ก็อาจทำให้เรามีความเสี่ยงในการพบเซลลูไลท์เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน เพราะว่าจะมียีนส์บางตัวที่ส่งผลต่อการสร้างเซลลูไลท์ มีผลต่อการเผาผลาญ การไหลเวียนเลือด และการกระจายตัวของไขมันใต้ผิวหนังในร่างกายนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม เซลลูไลท์ต้นขายังสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยประกอบกัน และแม้ว่าเราจะมีเซลลูไลท์ที่เกิดจากพันธุกรรมจริง ๆ เราก็ยังสามารถลดเซลลูไลท์ต้นขาได้ หากเรามีความตั้งใจ มีความสม่ำเสมอ และเทคโนโลโลยีดี ๆ ในการลดไขมัน  

    4. เซลลูไลท์เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีรูปร่างไม่สมส่วนเท่านั้น

    obesity

    ความเข้าใจผิด

    อย่างที่เราทราบกันดีว่าเซลลูไลท์นั้นเกิดจากการมีไขมันส่วนเกิน สะสมบริเวณใต้ผิวบริเวณต้นขา ทำให้หลายคนอาจเข้าใจว่าเซลลูไลท์ต้องเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีรูปร่างไม่สมส่วน หรือคนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือผู็ที่มีค่า BMI 30 ขึ้นไปเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเราทุกคนสามารถมีเซลลูไลท์ได้ แม้จะมีรูปร่างปกติ หรือ มีค่า BMI 18.5 – 22.90 และคนที่มีรูปร่างผอมค่าหรือมีค่า BMI น้อยกว่า 18.5 เนื่องจากเป็นเซลลูไลท์สะสมบริเวณใต้

    ผิวเท่านั้น ซึ่งหากมีในปริมาณไม่ได้มากก็อาจจะมองไม่เห็นเลย แต่หากมีปริมาณมากก็อาจจะทำให้ต้นขาใหญ่ขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นคลื่นไม่เรียบเนียน โดยเราสามารถแบ่งเซลลูไลท์ 4 ระยะ ดังนี้ 

    • ระยะที่ 0 : เป็นระยะที่เริ่มมีพังผืดเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่มากนัก ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากยืน นั่ง หรือนอนจะยังมองไม่เห็น แต่เมื่อใช้มือบีบเนื้อบริเวณนั้น ๆ ขึ้นมา จะเห็นเป็นรอยบุ๋มเกิดขึ้น เหมือนผิวเปลือกส้ม
    • ระยะที่ : 1 มีรอยบุ๋มเพิ่มมากกว่าระยะที่ 0 แต่ยัง ไม่สามารถเห็นเซลลูไลท์หรือมองเห็นะเป็นรอยบุ๋มได้ชัดเจน แต่เมื่อใช้มือทำการลูบจับหรือบีบเนื้อบริเวณนั้น ๆ ขึ้นมาก็จะพบเซลลูไลท์เป็นรอยบุ๋มเกิดขึ้นได้ชัดขึ้น 
    • ระยะที่ : 2 เริ่มมองเห็นรอยของเซลลูไลท์ได้ชัดเจนขึ้น ในขณะที่ยืนปกติโดยไม่ต้องหยิบผิวหนังขึ้นมา แต่จะไม่สามารถเห็นเซลลูไลท์ได้ขณะนอนราบ 
    • ระยะที่ : 3 สามารถมองเห็นเซลลูไลท์ได้ชัดเจนที่สุดไม่ว่าจะเป็นการยืนหรือนอน และยังถือว่าเป็นระยะของเซลลูไลท์ที่มีความรุนแรงและรักษาลดเซลลูไลท์ได้ยาก

    5. การออกกำลังกายสามารถลดการเกิดเซลลูไลท์ได้

    Squat

    ข้อเท็จจริง

    การออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ จะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายออกไป ทำให้ระบบในร่างกายเกิดความสมดุล นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นเหมือนเตาเผาผลาญไขมัน จึงช่วยลดเซลลูไลท์ต้นขา ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ แล้วยังช่วยลดน้ำหนักตัวได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น ทำให้สารอาหารเข้าไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ทำให้ผิวยังคงความกระชับอยู่ แต่หากขาดการออกกำลังกายก็มีโอกาสที่ผิวจะหย่อนคล้อย รวมไปถึงมีเซลลูไลท์ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ควรออกกำลังกายมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ความเต่งตึงของผิวถูกดึงไปใช้ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อยเหี่ยวย่น จึงควรออกกำลังกายให้พอเหมาะกับร่างกาย โดยทั่วไปร่างกายคนเราควรออกกำลังกายประมาณ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือวันเว้นวัน 

    6. คาร์ดิโอเหมาะที่สุดสำหรับการลดเซลลูไลท์ต้นขา

    women cardio

    ความเข้าใจผิด

    คาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% ของจุดที่เรารู้สึกเหนื่อยที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการลดระดับลงเพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ดีกว่าการออกกำลังกายแบบอื่น จึงสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ต้นขาได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นที่ใช้, น้ำหนักตัว, อัตราการเต้นของหัวใจในช่วงนั้น ๆ รวมไปถึงระยะเวลาในการออกกำลังกายที่ใช้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การคาร์ดิโอไม่ใช่การออกกำลังกายเหมาะที่สุดสำหรับการลดเซลลูไลท์ต้นขา เพราะการออกกำลังกายลดเซลลูไลท์ต้นขาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องทำควบคู่ไปกับ ”เวทเทรนนิ่ง” เพราะ “คาร์ดิโอ” จะช่วยในการเผาผลาญไขมันและรักษาน้ำหนักไว้ ส่วน “เวทเทรนนิ่ง” จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อที่สูญเสียจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และเพิ่มกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วยเราเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น ยิ่งเรามีกล้ามเนื้อมากเท่าไร แคลอรีที่เราสามารถเผาผลาญในแต่ละวันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรีเพิ่มอีก 25% หลังจากออกกำลังกายเสร็จ

    7. การสูบบุหรี่เสี่ยงทำให้เกิดเซลลูไลท์

    smoking

    ข้อเท็จจริง

    ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มที่จะมีเซลลูไลท์มาก เนื่องจาก “สารนิโคติน” (Nicotine) ในบุหรี่ จะไปอุดตันในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว เส้นเลือดตีบ เลือดไหลเวียนได้ช้าลง เลือดไปเลี้ยงเซลล์ไขมันไม่พอ และเกิดพังผืดเกิดภาวะเซลลูไลท์ได้ง่ายขึ้น บุหรี่ยังทำให้เกิดความผิดปกติของไตและปอด ซึ่งเป็นอวัยวะในการขับถ่ายของเสีย เมื่อขอเงเสียขับออกไปจากร่างกายไม่หมด ก็จะทำให้ตกค้างในร่างกาย เกิดการบวม และทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังของเราลดลง จะทำให้ผิวแห้ง ขาดความกระชับเต่งตึงด้วย หากเราต้องการลดเซลลูไลท์ต้นขาการค่อย ๆ ลดการสูบบุหรี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

    8. การดูดไขมันทำให้เซลลูไลท์ต้นขาดีขึ้น

    Liposuction

    ความเข้าใจผิด

    การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การใช้อุปกรณ์พิเศษขนาดเล็ก สอดใต้ชั้นผิวเพื่อทำให้ไขมันละลายหรือแตกตัว ก่อนจะดูดไขมันสะสมออกมา ซึ่งการดูดไขมันนั้นจะช่วยทำให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม เข้ารูป ลดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยปกติมักได้ผลดีในการลดสัดส่วน และการลดไขมันเฉพาะจุด แต่ได้ผลในการลดเซลลูไลท์ต้นขา ไม่สามารถช่วยให้เซลลูไลท์หายไปได้ และอาจทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียนมากขึ้นได้

    9. อาหารบางชนิดสามารถช่วยต่อสู้กับเซลลูไลท์ได้

    berry

    ข้อเท็จจริง

    การรับประทานผักและผลไม้มาก ๆ สามารถช่วยลดเซลลูไลท์ที่เกิดขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดใหม่ของเซลลูไลท์ได้มากถึงร้อยละ 75 แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัด เพราะผลไม้เหล่านี้จะมีน้ำตาลสูง หากได้รับมากเกินไปโดยไม่ได้เผาผลาญออกไป จะทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไขมันเข้าไปสะสมในร่างกาย และกลายเป็นเซลลูไลท์ได้ในที่สุด หากเราต้องการลดเซลลูไลท์ต้นขาก็สามารถกินอาหารเพื่อลดเซลลูไลท์ได้เลย เช่น แบล็กเบอร์รี่ (blackberry) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ตรงเข้าไปสลายไขมัน ก่อนไขมันจะเข้าไปจับตัวเซลล์เนื้อเยื่ออ่อน จนเกิดเป็นเป็นก้อนใต้ชั้นผิว และส่งผลให้เกิดเซลลูไลท์ ผิวหย่อนคล้อย และไม่กระชับในที่สุด นอกจากนี้ แบล็กเบอร์รี่ยังสามารถช่วยสร้างคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสและมีความเรียบเนียน ลดผิวหย่อนคล้อยได้มากกว่าเดิมอีกด้วย 

    10. แพทย์ผิวหนังเท่านั้นที่รักษาเซลลูไลท์ได้

    doctor

    ความเข้าใจผิด

    เซลลูไลท์เป็นไขมันใต้ผิวที่เรามองไม่เห็น ทำให้หลายคนเชื่อว่าจะต้องจัดการด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการผ่าตัดหรือดูดเพียงเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วยลดเซลลูไลท์ต้นขาให้เราได้ ด้วยการทำจากผู้เชี่ยวชาญด้านรูปร่าง เช่น เทคโนโลยี “Infrared Light” พลังงานของอินฟาเรดบริสุทธิ์ที่ทำงานผ่านการใช้อุณหภูมิบำบัดโดยเตียงอินฟาเรด ทำหน้าที่ส่งผ่านคลื่นอินฟาเรดบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นประมาณ 2 – 3 องศาเซลเซียส แล้วปรับเป็นการแช่น้ำเย็นจัดในทันที กระบวนการทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองดีขึ้น ทำให้เกิดการสลายตัวของไขมันสะสมในเซลลูไลต์ในจุดต่าง ๆ ของร่างกายทันที และสามารถทำได้ทั้งต้นขาด้านในและด้านนอก สะโพก หน้าท้อง เอว หน้าอก เข่า ไขมันด้านหน้าและด้านหลังรักแร้ ต้นแขน และใต้คาง เป็นต้น

    ซึ่งทาง Slim Up Center เองก็มีสุดยอดเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วยลดเซลลูไลท์ต้นขา รวมถึงจัดการปัญหารูปร่างทุกสัดส่วนอย่าง CELLUSLIM TECH เทคโนโลยีลดเซลลูไลท์ต้นขา

    PROGRAM – CELLUSLIM TECH

    นวัตกรรม 2IN1 ผสานคลื่นความร้อน Thermic IR ซึ่งเป็นระบบฟาร์อินฟราเรดส่งผลให้เกิดความร้อนลึก (Deep-thermal) กับ ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum) ใช้เวลา 40 นาที ทำให้เกิดการหดตัว / คลายตัวกับผิวหนัง และ กล้ามเนื้อ เกิดการ Decompress คล้ายคลึงกับ Massage ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดและลดเซลลูไลท์กระตุ้นระบบการขับเสียของเซลร่างกาย ลดการบวมน้ำ ปรับปรุงและฟื้นฟูระบบไหลเวียนของโลหิตและระบบน้ำเหลือง กระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อได้มีประสิทธิภาพ

    CELLUSLIM TECH – ข้อดี และ สรรพคุณ

    คลื่น Thermic IR (Far Infrared)

    • ลดสัดส่วนพร้อมยกกระชับผิว
    • ลด Cellulite ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
    • กระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองและคลายตัวของกล้าม
    • เพิ่มการไหลเวียนเลือด
    • กระตุ้นการขับของเสีย
    CELLUSLIM TECH

    ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum)

    • ช่วยลด Cellulite
    • ลดการหดรั้งของผังผืดและเนื้อเยื่อต่างๆ
    • กล้ามเนื้อคลายตัว
    • กระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจน และอิลาสติน
    • ช่วยทำให้คลื่น Thermic IR ลงสู่ชั้นผิวได้ลึกมากขึ้น

    หุ่นสวย สุขภาพดี เริ่มต้นที่ Slim Up Center พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทั้ง 18 สาขาทั่วประเทศแล้ววันนี้

    👉ปรึกษาลดน้ำหนัก  ไขมัน และ สัดส่วน ทักแชท

    Contact Us

    FB : http://m.me/SlimUp/

    Line : https://bit.ly/Slimupcenter หรือ @Slimupcenter

    IG : Instagram.com/Slimup_center

    Website: www.Slimupcenter.co.th

    Call Center : 02-620-0000