” เซลลูไลท์ ” คืออะไร ?

สรุป ” CELLULITE ” คืออะไรกันแน่ !?

” เซลลูไลท์ ” อีกหนึ่งปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง คนผอม และ คนอ้วน สร้างความกังวลใจและไม่มั่นใจแก่ผู้คนได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเซลลูไลท์ บริเวณต้นขา สะโพก และ หน้าท้อง ซึ่งในบทความนี้เราจะมาลงรายระเอียดกันว่าที่เรียก เซลลูไลท์ที่จริงแล้วคืออะไร? ใช่ไขมันหรือไม่? แล้วมีการแบ่งประเภทให้กับเซลลูไลท์ หรือไม่ เรามาดูไปพร้อมๆกันค่ะ

เซลลูไลท์ คืออะไร?

เซลลูไลท์ (Cellulite) คือ ก้อนไขมันขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น และ สะสมอยู่ในชั้น Subcutaneous บริเวณใต้หนังแท้ ซึ่งเป็นไขมันประเภทหนึ่งที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยไขมันหางตะปู (Triglycerides) เช่นเดียวกันกับไขมันที่เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เซลลูไลท์จะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไขมัน (Adipocytes) เก็บไขมันมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเซลล์ไขมันพวกนี้จะติดอยู่ภายในระหว่างเส้นใยคอลลาเจน สำหรับเซลลูไลท์มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือทานอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่มากกว่าที่ร่างกายต้องการ โดยก้อนไขมันดังกล่าวมีขนาดใหญ่ และ ปริมาณที่เยอะมาก โดยรวมตัวอัดแน่นกันอยู่ใต้ชั้นผิวหนังจนทำให้เกิดการโผล่นูนขึ้นมาบนผิวหนัง จับตัวกันเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน มีลักษณะขรุขระ ทำให้ผิวภายนอกดูเป็นลักษณะเป็นคลื่นไม่เรียบเนียนเหมือนกับเปลือกส้มนั้นเอง ซึ่งปัญหา เซลลูไลท์ นั้นส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไปจนถึงผู้ที่อยู่ในช่วงสูงอายุนั้นเอง ส่วนหญ่มักพบได้มากในบริเวณสะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น หน้าท้อง และอื่นๆเป็นต้น

เซลลูไลท์ มีความแตกต่างจาก ไขมัน หรือไม่?

เซลลูไลท์มีความแตกต่างจากไขมันทั่วไปแน่นอนค่ะ เพราะ เซลลูไลท์ คือ การไขมันสะสมที่เป็นก้อนซึ่งมีของเสียและน้ำปะปนอยู่ โดยในแต่ละก้อนของไขมันจะมีพังผืดเข้ามาห่อหุ้มอยู่อีกชั้นใหญ่ๆเลยด้วย ซึ่งปกติไขมันทั่วไปจะสามารถกำจัดออกได้ง่ายกว่า อาจจะด้วยวิธีการควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกาย และอื่นๆ ซึ่งในส่วนของการ ลดเซลลูไลท์ ด้วยตัวเองนั้นมักทำได้ยากกว่ามาก ยกตัวอย่างเช่น นอกจากจะต้องลดไขมันด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังต้องมีการนวดผิวหนังเพื่อช่วยในการสลายตัวเซลลูไลท์ และสุดท้ายต้องผสานเสริมด้วยการลดเซลลูไลท์ด้วยวิธีทางการแพทย์เข้ามาช่วยด้วยอีกทาง จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีและชัดเจน

กลไกการเกิด ” เซลลูไลท์ “

เซลลูไลท์เกิดจากเส้นใยคอลลาเจนอ่อนแอ
เมื่อเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังอ่อนแอหรือสูญเสียความยืดหยุ่น ไขมันที่สะสมอยู่จะเริ่มดันผ่านชั้นของเส้นใยทำให้เกิดการกระแทกใต้ผิวหนัง เส้นใยคอลลาเจนและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอาจอ่อนแอได้ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง, อายุมากขึ้น, ผิวหนังได้รับความเสียหายจากแสงแดด, ไขมันส่วนเกิน, ฮอร์โมน และการไหลเวียนไม่ดี

เซลลูไลท์เกิดจากการไหลเวียนไม่ดีและการกักเก็บของเหลว
เซลล์ไขมันจะจับกันเป็นกลุ่มก้อน โดยมีคอลลาเจนล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี และเมื่อผนังหลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่น ความเร็วของการไหลเวียนโลหิตจะลดลง แทนที่จะถูกขับออกมา ของเหลวส่วนเกินและของเสียจะถูกผลักไปยังเซลล์ไขมัน ทำให้เกิดเซลลูไลท์และบวม โดยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะดึงรั้ง ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเห็นเป็นคลื่นไม่เรียบเนียน สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ เกิดขึ้นตามอายุที่มากขึ้น และสาเหตุอื่น ๆ จากการใช้ชีวิต เช่น ไม่ออกกำลังกาย, การสูบบุหรี่, ความเครียด การนั่งเป็นเวลานาน หรือการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง

ความน่ากลัว และ ผลเสีย ของ เซลลูไลท์ ?

คือ เซลลูไลท์ ” ไม่สามารถเผาผลาญเป็นพลังงาน ” ได้ และที่สำคัญไม่ว่าจะอ้วนน้ำหนักมาก หรือ ผอมน้ำหนักน้อย จะเพศไหน หรือ อายุเท่าไร ก็มีสิทธิมีเซลลูไลท์ในร่างกายได้ทั้งนั้น ซึ่งสาเหตุของการเกิด เซลลูไลท์ มีได้หลากหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายไม่ดีผิดปกติ ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่เสมอ หรือ อาจเกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมน เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน (เพศหญิง) โดยที่ฮอร์โมน เอสโตรเจน จะเป็นตัวที่กระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกาย ส่วนฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน จะเป็นตัวที่ทำลายระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้เสียไป ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ ส่งผลต่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้โครงสร้างหย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับการที่ผิวชั้นหนังแท้เสียสภาพ สูญเสียน้ำ ทำให้เซลล์ไขมันถูกดันออกมาเรียงตัวไม่สม่ำเสมอ ยิ่งผิวชั้นหนังกำพร้าแห้งและบางก็จะยิ่งทำให้เห็นเซลลูไลท์ได้ชัดขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวไม่แข็งแรง มีลักษณะจับตัวแข็ง ขาดความยืดหยุ่น เพราะเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินน้อยลงหรือเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการสะสมหรือการคั่งของของเหลวที่เป็นของเสียระหว่างเซลล์

แม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นโรคหรือมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างรุนแรง แต่ก็อาจเป็นปัญหาในเรื่องความสวยความงามให้กับใครหลายๆคน ทั้งนี้ทางการแพทย์ได้ทำการแบ่งประเภทของเซลลูไลท์ไว้หลายประเภท

แต่หลักโดยทั่วไปแล้ว ” เซลลูไลท์ ” สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท หลักๆตามลักษณะที่แสดง ดังนี้

เซลลูไลท์ที่เกี่ยวข้องกับไขมัน (Adipose Cellulite)
เซลลูไลท์ชนิดอะดิโปสหรือเซลลูไลท์ชนิดอ่อน คือหนึ่งในรูปแบบหลักของเซลลูไลท์ มีลักษณะคือเนื้อแข็งและมักเกิดขึ้นมากขึ้นในบุคคลที่อ้วนหรือโรคอ้วน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการสะสมส่วนเกินของเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเนื้อเยื่อนี้มักจะกระจายอย่างทั่วไปในร่างกาย มีลักษณะเป็นเนื้อสัมผัสที่เหมือนสปองจากส้ม

เซลลูไลท์ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บน้ำ (Oedematous Cellulite)
เซลลูไลท์ประเภทนี้จะแสดงความบวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเกิดจากการเก็บน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้พื้นที่ที่เป็นเซลลูไลท์มีลักษณะที่ดูลุกลามซึ่งเกิดจากผิวที่ไม่เรียบเนียน มักพบได้บ่อยในพื้นที่เช่นต้นขา ก้น และหน้าท้อง เซลลูไลท์ชนิดอีเดมาโตรัสหรือเซลลูไลท์ชนิดเก็บน้ำ เป็นรูปแบบหนึ่งของเซลลูไลท์ที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของน้ำที่มากเกินในเนื้อเยื่อที่ประสบปัญหา มีลักษณะบวมหรือพองน้ำ ผิวหนังอาจมีความอ่อนแอต่อการสัมผัส และ สังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อกดที่ผิวหนัง

เซลลูไลท์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อแข็ง (Fibrotic Cellulite)
เซลลูไลท์ชนิดไฟโบรทิก คือ เซลลูไลท์ ที่มีผลต่อลักษณะของผิวหนัง ทำให้เกิดรอยบนผิวที่เป็นหย่อมๆ หรือ ลุกลาม โดยเฉพาะในพื้นที่ เช่น ต้นขา ก้น และหน้าท้อง เซลลูไลท์ชนิดไฟโบรทิก นี้จะมีเส้นใยที่แข็งภายใต้ผิวหนังทำหน้าที่ในการ ” ดึง ” ผิวหนังลงมา ส่งผลให้เกิดรอยบนผิวหนัง ทำให้ผิวที่ไม่เรียบเนียน ในการเปรียบเทียบกับเซลลูไลท์ชนิดอื่นๆ เซลลูไลท์ชนิดฟิโบรทิกมักจะมีความเหนียวแน่นกว่า และ รอยบนผิวอาจมีความชัดเจนมากกว่า เช่นกัน

ระดับต่างๆของ ” เซลลูไลท์ “

เซลลูไลท์สามารถแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ซึ่งสามารถแยกแยะกันได้ตามลักษณะและอาการ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอาจใช้การแบ่งระดับที่น้อยที่สุดเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ระดับที่นิยมของเซลลูไลท์จะอธิบายดังนี้

ระดับ 0 – ไม่มีเซลลูไลท์ที่มองเห็น : ในระดับนี้จะไม่สามารถมองเห็น เซลลูไลท์ แม้กระทั่งเมื่อผิวหนังถูกหยิกหรือถูกกดเสียบันที ผิวหนังดูเรียบและไม่มีรอยหย่อนหรือลูกปืน ในระยะเริ่มต้นนี้ เซลลูไลท์อาจจะไม่เป็นสาเหตุให้เกิดความกังวล แต่ยังสามารถดำเนินการป้องกันเพื่อรักษาสุขภาพของผิวและลดความเสี่ยงในการพัฒนาเซลลูไลท์

ระดับ 1 – มีเซลลูไลท์เล็กน้อย : ในระดับนี้ มีเซลลูไลท์ที่เป็นที่ทำให้เห็นได้เมื่อผิวหนังถูกหยิกหรือถูกกดเสียบันที แต่ไม่มีการมองเห็นเมื่อยืนหรือนอน ผิวหนังดูเรียบที่ในระหว่างการพักผ่อน แต่กลุ่มของเซลลูไลท์จะเห็นได้ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนใหญ่เซลลูไลท์ระดับนี้อาจมีลักษณะคล้ายกับลูกส้มหรือเนื้อหนอนชีส

ระดับ 2 – มีเซลลูไลท์ปานกลาง : ในระดับนี้ เซลลูไลท์จะเห็นได้โดยไม่ต้องหยิกผิวหนัง ลักษณะของลูกปืนอาจเป็นที่มองเห็นเมื่อยืนอยู่ แต่อาจลดลงเมื่อนอน ผิวหนังอาจแสดงลุกลามและลานตามที่มีผิดของการหย่อนหยุ่นของร่างกาย

ระดับ 3 – เซลลูไลท์รุนแรง : ในระดับขั้นสูงนี้ เซลลูไลท์จะมีความเห็นได้สูงมาก ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดๆ รูปร่างของผิวหนังจะมีลักษณะไม่เรียบและเกิดรอยหย่อนลึก ระดับเซลลูไลท์ระดับนี้อาจเกี่ยวข้องกับความขาดแคลนในการหย่อนหยุ่นของผิว และมีลักษณะคล้ายกับ”เนื้อหนอนชีส” หรือ “เสื่อนอน”

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจึง สรุปได้ว่า

” เซลลูไลท์ ” นั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมีการอุบัติ หรือ เกิดขึ้นมาพร้อมๆกับชีวิตของมนุษย์อย่างเราๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ สำหรับไขมันจำพวก เซลลูไลท์ ที่มีความซับซ้อนนี้ ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน รวมถึงมีหลากหลายประเภทและระยะความหนักเบาในอาการที่เป็นอยู่แล้ว ยังมีปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลลูไลท์อีก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาวิธีการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราต้องเข้าใจว่า เราอาจจะไม่สามารถกำจัดเซลลุไลท์ให้หายไปจากร่างกายอย่างสมบูรณ์ 100% ได้ แต่เราสามารถใช้วิธีการต่างๆ ในการร่วมลดและรักษาอาการ หรือ ปรับปรุงสภาพผิวหนังต่างๆ เช่น การนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การใช้ครีมทาผิว การใช้เลเซอร์ รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพอย่าง การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม การดื่มน้ำเพียงพอ และ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น แต่หากว่ายังไม่รวดเร็วทันใจมากพอสำหรับสาวๆทุกท่าน ที่ต้องการได้รักษาที่ดี ได้มาตรฐานระดับสากล เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ประหยัดเวลา อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเซลลูไลต์ของแต่ละบุคคล ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ของ สถาบันลดน้ำหนักและกระชับรูปร่าง Slim Up Center เราขอแนะนำนวัตกรรมการกำจัดเซลลูไลท์

PROGRAM CELLUSLIM TECH

PROGRAM – CELLUSLIM TECH

ด้วยนวัตกรรม 2IN1 ผสานคลื่นความร้อน Thermic IR ซึ่งเป็นระบบฟาร์อินฟราเรดส่งผลให้เกิดความร้อนลึก( Deep-thermal) กับ ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vacuum) ใช้เวลา 40 นาที ทำให้เกิดการหดตัว / คลายตัวกับผิวหนัง และ กล้ามเนื้อ เกิดการ Decompress คล้ายคลึงกับ Massage ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดและขจัดCellulite กระตุ้นระบบการขับเสียของเซลร่างกาย ลดการบวมน้ำ ปรับปรุงและฟื้นฟูระบบไหลเวียนของโลหิตและระบบน้ำเหลือง กระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อได้มีประสิทธิภาพ

Process and Benefit CELLUSLIM TECH

CELLUSLIM TECH – ข้อดี และ สรรพคุณ

  • เครื่องมือ สามารถ Rotation ช่วยบิดหมุน ทำให้ไขมันแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น
    -อินฟราเรด RF ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เร่งการขับเหงื่อ พร้อมช่วยฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
    _ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 600 Kcal
  • ในระหว่างการทำทรีทเม้นต์มีการนวดร่วมด้วย เป็นหัตถการพิเศษเฉพาะสลิมอัพ ที่เรียกว่า “Thermic Massage” ซึ่งทำให้กระตุ้นกระบวนการสลายไขมัน ด้วย Cellu Tonic เกิดความผ่อนคลายยิ่งขึ้น
  • ช่วยประหยัดเวลา เพราะได้ทั้งการนวดผ่อนคลายและกำจัดไขมัน ไปพร้อมกัน

คลื่น Thermic IR (Far Infrared)

  • ลดสัดส่วนพร้อมยกกระชับผิว
  • ลด Cellulite ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • กระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองและคลายตัวของกล้าม
  • เพิ่มการไหลเวียนเลือด
  • กระตุ้นการขับของเสีย

ระบบแรงดูดสูญญากาศ (Vaccuum)

  • ช่วยลด Cellulite
  • ลดการหดรั้งของผังผืดและเนื้อเยื่อต่างๆ
  • กล้ามเนื้อคลายตัว
  • กระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจน และอิลาสติน
  • ช่วยทำให้คลื่น Thermic IR ลงสู่ชั้นผิวได้ลึกมากขึ้น
Before After use CELLUSLIM TECH

หุ่นสวย สุขภาพดี เริ่มต้นที่ Slim Up Center พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทั้ง 18 สาขาทั่วประเทศแล้ววันนี้

👉🏻 ปรึกษาลดน้ำหนัก  ไขมัน และ สัดส่วน ทักแชท

Contact Us

FB : http://m.me/SlimUp/

Line : https://bit.ly/Slimupcenter หรือ @Slimupcenter

IG : Instagram.com/Slimup_center

Website: www.Slimupcenter.co.th

Call Center: 02-620-0000