ลดอย่างไรก็ไม่ผอม เพราะโรคร้ายในร่างกาย

METABOLIC SYNDROME ลดอย่างไรก็ไม่ผอม เพราะโรคร้ายในร่างกาย

หลายๆ คนที่มีปัญหาเรื่องอ้วนคงเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองและหมดกำลังใจกับการลดน้ำหนัก เพราะไม่ว่าจะอดอาหารอย่างไร หรือออกกำลังกายวันละหลายชั่วโมง สัปดาห์ละหลายวัน ก็ยังไม่สามารถเอาห่วงยางรอบเอวออกไปได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เรามาดูคำตอบของเรื่องนี้กันค่ะ

กลไกการทำงานภายในร่างกายคนเรา ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงคล้ายกับโรงงานเราต้องการพลังงานคือ การรับประทานอาหารมีการใช้พลังงาน มีการเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานและใช้หมดไป เครื่องจักรต้องมีการควบคุมให้ทำงานได้ตามปกติ ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับฮอร์โมนที่คอยควบคุมการทำงานของกลไกต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ ร่างกายที่ทำงานปกติก็จะมีการใช้พลังงานเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานตลอดเวลา ก็จะไม่เกิดการสะสมของไขมันก็คือไม่อ้วน

แล้วเกิดอะไรกับคนอ้วน ทำไมร่างกายไม่นำพลังงานไปใช้ คนที่อ้วนเกิดจากร่างกายไม่ยอมเผาผลาญ หรือเรียกอีกอย่างว่า Metabolic Syndrome ซึ่งจำเป็นต้องตรวจเช็คดูว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน มีสาเหตุเริ่มต้นมาจากการสะสมของท๊อกซินในเซลล์ไขมัน พอสะสมนานๆ อินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่นำน้ำตาลจากเลือดเข้าไปในเซลล์ของร่างกาย เพื่อใช้เป็นพลังงานเริ่มทำงานได้ไม่ดี ไม่สามารถนำเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ตามปกติ น้ำตาลก็เก็บเป็นไขมัน ร่างกายก็ต้องใช้อินซูลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน จนเกิดภาวะที่อินซูลินดื้อ ไม่ทำงาน พอถึงตรงนั้นก็ไม่เผาผลาญน้ำตาลแล้วเก็บเป็นไขมันอย่างเดียว ถ้าร่างกายขาดพลังงานมันก็จะดึงเอากล้ามเนื้อไปใช้แทน เพราะมันดึงไขมันออกมาไม่ได้ จึงเป็นที่มาของความเหี่ยวผิวหย่อนคล้อย

จะเห็นได้ว่าขบวนการนำพลังงานไปใช้ในร่างกายมีความสำคัญมาก มีผลต่อสุขภาพ และความเป็นหนุ่มเป็นสาว ถ้าระบบเผาผลาญเราดีขบวนการใช้พลังงานในร่างกายเราก็จะดี ถ้าร่างกายเราเริ่มเสื่อม เริ่มเฉื่อย ก็จะไม่ใช้พลังงาน แต่เก็บเป็นไขมันอย่างเดียว คนส่วนใหญ่เมื่ออายุยังน้อยจะไม่มีปัญหาเรื่องอ้วนหรืออ้วนลงพุง แต่พออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น ยิ่งใกล้ 50 รอบเอวเริ่มหาย เริ่มมีห่วงยางรอบเอวที่กำจัดได้ยาก ทั้งนี้เพราะเซลล์ในร่างกายเริ่มเสื่อม ไม่เหมือนเมื่อตอนอายุยังน้อยกลไกการทำงานต่างๆ ของร่างกายจึงเริ่มผิดปกติ เสียสมดุล และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆตามมา ไม่เพียงเฉพาะโรคอ้วนเท่านั้น จึงเป็นที่มาว่าถ้ามีอาการอ้วนที่รอบเอว จะมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจมากกว่าอ้วนในส่วนอื่นๆ ทั้งนี้ก็เพราะเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่นำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเรื่องอ้วนว่าเป็นเพียงเรื่องความสวยความงามเท่านั้น เพราะที่จริงมันคือสัญญาณเตือนโรคร้ายให้กับเรา ที่ต้องหันมาเอาใจใส่ และดูแลตัวเองอย่างจริงจัง

การรักษาตามหลักการแพทย์ชะลอวัยจะเริ่มต้นจากการตรวจเช็คร่างกายเพื่อให้รู้ที่มาของปัญหาอย่างชัดเจน และจะได้แก้ไขได้ถูกต้อง มีการปรับสมดุลร่างกาย ด้วยการกำจัดสารพิษและปรับสมดุลฮอร์โมนด้วยวิธีธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายกลับมาทำงานได้ตามปกติ มีการเผาผลาญนำพลังงานไปใช้ได้ตามปกติ นอกจากนี้ก็อาจจะมีการดูแลเรื่องอาหาร และการออกกำลังกายเพิ่มเติม ตลอดจนการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้เกิดการทำลายเซลล์ไขมัน และเร่งการเผาผลาญให้มากขึ้น ก็จะทำให้เห็นผลได้เร็วขึ้น จะเห็นได้ว่าความอ้วนนั้นแก้ไขได้ตามวิธีการที่เล่ามา ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความอ้วน รอบเอวหนา หน้าท้องใหญ่อีกต่อไปเลยค่ะ เพราะไขมันส่วนเกินนั้นมีอันตรายมากกว่าความไม่ดูดีมากมายจริงๆ

“ไม่ควรมองข้ามปัญหาเรื่องอ้วนว่าเป็นเพียงเรื่องความสวยความงาม
เท่านั้น เพราะที่จริงมันคือสัญญาณเตือนโรคร้ายให้กับเรา ที่ต้อง
หันมาเอาใจใส่ และดูแลตัวเองอย่างจริงจัง”