ถนอมสายตาไว้ก่อนสายเกิน
ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีประโยชน์ไม่ใช่แค่เพียงการมองเห็น ยังช่วยสมอง หูชั้นนอกและหูชั้นใน ในการทรงตัว และที่สำคัญเป็นส่วนหนึ่งของความสวยงามบนหน้าตา จึงเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้สายตาเพียงอย่างเดียว จะดูแลรักษาก็ต่อเมื่อเกิดโรคหรือดวงตาได้รับบาดเจ็บแล้วเท่านั้น ทั้งๆ ที่วิธีการดูแลและการถนอมดวงตานั้นง่ายนิดเดียว
สาเหตุของการเกิดโรคทางตา
โรคทางตานั้นอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อย คือ
- การติดเชื้อ ซึ่งมักเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคตาแดงจากไวรัส โรคตากุ้งยิง และโรคริดสีดวงตา เป็นต้น ซึ่งเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย
- อายุที่มากขึ้น ทำให้โอกาสการเกิดโรคตาบางชนิดสูงขึ้นด้วย นั่นเพราะเกิดจากการเสื่อมตามธรรมชาติของเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งรวมถึงเนื้อเยื่อของลูกตาด้วย เช่น ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ โรคต้อหิน โรควุ้นตาเสื่อม เป็นต้น
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคตาขี้เกียจ โรคตาบอดสี โรคต้อหิน โรคตาบอดกลางคืน โรคสายตาผิดปกติที่เกิดจากการหักเหของแสงในเด็ก โรคตาเหล่ในเด็ก เป็นต้น
- ผลกระทบจากโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานขึ้นตา หรือ โรคเนื้องอกสมอง ที่ส่งผลให้เกิดตาเข ตาเหล่ เป็นต้น
- สาเหตุจากการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะขาดวิตามินเอ เช่น โรคตาบอดกลางคืน
- โรคมะเร็งดวงตา เช่น โรคตาวาว (โรคมะเร็งตาในเด็ก) โรคมะเร็งหนังตาหรือมะเร็งเนื้อเยื่อตา เป็นต้น
- เกิดอุบัติเหตุต่อดวงตาหรือเกิดจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น โรคตาที่มากับคอมพิวเตอร์ สารเคมีเข้าตาหรือจากการได้รับแสงสว่างจ้าเรื้อรัง เช่น อาชีพช่างเชื่อมโลหะ
วิธีการดูแลดวงตา
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ
- สวมแว่นกันแดดทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงจ้า
- หลับตาเพื่อพักสายตาทุก 1 ชั่วโมง เมื่อใช้สายตามากๆ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- การดูโทรทัศน์ควรปรับความสว่างของจอให้พอควรและควรนั่งห่างจากโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่าของขนาดจอ
- ไม่เล่นมือถือขณะที่ปิดไฟหรือในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ
- เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา ห้ามใช้มือขยี้ตาให้ใช้นํ้าสะอาดหรือนํ้ายาล้างตา
- ควรตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์ปีละครั้ง เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอ
วิธีการถนอมสายตา ฉบับนายแพทย์ วิลเลียม เอช. เบตส์
- ครอบดวงตา โค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉยๆ ระวังอย่าให้อุ้งมือกดทับดวงตา นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ตามป่าเขาหรือชายทะเล อยู่ในท่านี้สัก 10 นาที
- สร้างจินตภาพในขณะยังคงครอบดวงตาอยู่ สร้างจินตภาพว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มองเห็นดอกไม้สีสันสดใส เห็นรายละเอียดกลีบดอกแต่ละกลีบชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการจะช่วยเยียวยาสายตาจริงๆ ของเราได้เป็นอย่างดี
- กวาดสายตามองแบบไม่ต้องจ้อง (คนสายตาสั้นมักจ้องและเขม้นตา) กวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกลๆ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้างทำให้ผ่อนคลายสายตา
- ฝึกกะพริบตาบ่อยๆ ประมาณ 1-2 ครั้ง ทุกๆ 10 วินาที ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีนํ้าหล่อเลี้ยง โดยเฉพาะคนที่สวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ยิ่งจำเป็น
- โฟกัสภาพใกล้และไกล โดยเหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุดแล้วตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกันตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าประมาณ 3 นิ้ว โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา สามารถทำได้บ่อยครั้ง
- ชโลมดวงตา ตื่นนอนทุกเช้าใช้มือวักนํ้าชโลมดวงตาด้วยนํ้าอุ่นสัก 20 ครั้ง สลับกับการวักนํ้าเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น การจบด้วยนํ้าเย็นทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตากระชับไม่หย่อนยาน ก่อนเข้านอนให้วักนํ้าชโลมดวงตาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ชโลมด้วยนํ้าเย็นก่อนแล้วตามด้วยนํ้าอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาได้ผ่อนคลายก่อนเข้านอน
- การแกว่งตัว โดยยืนแยกเท้าเท่ากับช่วงไหล่ แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายนํ้าหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้องปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัว ท่านี้จะทำใหดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น